บทความที่น่าสนใจ

ก้าวสู่ความสุขที่ยั่งยืน ทำได้หรือแค่ฝัน?

พระอาจารย์ณรงค์ชัย ฐานชโย, ดร ประธานที่พักสงฆ์นานาชาติเชียงใหม่ ได้อธิบายเกี่ยวกับการพัฒนาความสุขตามพุทธวิธีดังนี้
คำถามที่ว่า “ความสุขพัฒนาได้หรือไม่?” เป็นคำถามที่น่าสนใจ

แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออะไร

พระอาจารย์ดร. ณรงค์ชัย ฐานชโย ประธานที่พักสงฆ์นานาชาติเชียงใหม่ ได้อธิบายว่า

หัวใจพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า ““The Essence of Buddhism” เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
พุทธศาสนาแบ่งออกเป็นคน 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มฆราวาส คือ กลุ่มที่ครองเรือน
2. กลุ่มพระภิกษุ คือ กลุ่มที่ไม่ได้ครองเรือน

พระอาจารย์ณรงค์ชัย ฐานชโย, ดร
ประธานที่พักสงฆ์นานาชาติเชียงใหม่ กล่าวว่า

“คนที่มีสติ สัมปชัญญะ สมาธิ จะสามารถดำรงชีวิตในโลกนี้ได้ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เขาจะรักษาคุณภาพจิตของเขาได้ ให้ผ่องใส ให้บริสุทธิ์ ให้มีความสุขได้..”
เคยถามตัวเองบางไหม..? ทำไมสติไม่เข็มแข็ง..ทำไมสมาธิไม่เข็มแข็ง

เคยสังเกตตัวเราเองไหม ทำงานก็เบื่องาน ทะเลาะกับเพื่อนรอบข้าง ความจดจ่อความต่อเนื่องของสมาธิก็ทำไม่ค่อยได้ ทำงานไป 5 นาที ก็ต้องค่อยเช็คมือถือ เช็คเฟสบุ๊ค

คุณหยูอายุ 34 ปี เป็นชาวสิงคโปร์ ท่านทำงานเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ การทำงานทำให้ท่านรู้สึกว่า “ไม่สามารถทำงานให้เกิดคุณค่าต่อองค์กรได้” ท่านเฝ้าถามตัวเองเรื่องคุณค่าในเชิงมนุษยธรรมมาเสมอ และรู้สึกว่าไม่อยากเสียเวลาทำงานใน 20 ปีข้างหน้าเพื่อแลกกับความหรูหราหรือความสะดวกสบาย คุณหยูจึงมุ่งแสวงหาคุณค่าทางจิตใจ ท่านสนใจพระพุทธศาสนา การทำสมาธิ การสั่งสมบุญ ท่านคิดว่า “ต่อให้เรามีการเงินที่ดี แต่ก็มีสิ่งอื่นที่ดียิ่งกว่านั้นด้วย”

หลวงพี่เป็นชาวสเปนอาศัยอยู่ที่เมืองซูราบายา ประเทศอินโดนีเซีย หลวงพี่อายุ 36 ปี และมีอาชีพเป็นฝ่ายสนับสนุนด้านกลยุทธ์และโปรแกรมในสายงานพัฒนาบุคคล หลวงพี่เริ่มนั่งสมาธิตั้งแต่ปี 2558 และได้รับประกาศนียบัตรเป็นผู้สอนสมาธิจากสถาบัน World Peace Initiative มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2562

หลวงพี่เป็นชาวนอร์เวย์อาศัยอยู่ที่เมืองทรอนด์เฮม ท่านเป็นนักศึกษาวัย 21 ปี และเป็นนักเล่นออร์แกนในโบสถ์ ขณะนี้ท่านกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ของโรงเรียนดนตรี (หลักสูตร 4 ปี) พระแอนเดรียสมาบวชในโครงการ Monk Life จากคำแนะนำของเพื่อนสนิท คือหลวงพี่คริสเตียน

ก่อนหน้าที่ท่านจะบวชเป็นพระ ท่านอาศัยอยู่ที่ ประเทศนอร์เวย์ หลวงพี่อายุ 22 ปี ท่านทำงานในแวดวงร้านอาหารมา 2 ปี หลวงพี่ได้เคยเข้าร่วมโครงการบวชมาแล้ว ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 และครั้งที่สองคือเดือนกันยายน พ.ศ.2565 หลวงพี่นับถือศาสนาพุทธ

หลวงพี่เป็นชาวใต้หวัน อายุ 25 ปี หลวงพี่ทำงานช่างประปาและนับถือศาสนาพุทธ ท่านเริ่มสนใจการนั่งสมาธิเมื่อสามปีที่แล้ว ท่านได้ดูเรื่องราวของพระอาจารย์จากประเทศจีนท่านหนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว ประโยคที่ท่านบรรลุธรรมนั่นเอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หลวงพี่อยากบวชพระนับตั้งแต่นั้นมา

หลวงพี่เป็นชาวแคเนเดียนอาศัยอยู่ที่เมืองแคลการี ประเทศแคนาดา หลวงพี่อายุ 56 ปีและมีอาชีพเป็นนักเขียนและนักพูด ท่านคืออดีตนักร้องเพลงแจ๊สและนักจัดรายการวิทยุเพลงแจ๊สชื่อดังของแคนาดามานานกว่า 10 ปี เหตุผลที่ท่านมาบวชก็เพื่อ “ตามหาคุณค่าของชีวิต และเรียนรู้หนทางการมีสุขภาพจิตที่ดี ท่านจึงแสวงหาความสงบใจด้วยการศึกษาคำสอนของศาสนาพุทธ”

เมื่อถูกถามว่าหลังจากบวชพระครั้งแรก (รุ่นเดือนพฤษภาคม 2565) แล้วชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ท่านตอบว่า “ในครั้งแรกนั้น ผมบวชพระเพราะผมเครียดจากอะไรหลายๆ อย่าง พอจบโครงการแล้วกลับบ้านไป ผมมีสัมพันธภาพที่ดีขึ้นมากกับคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนโดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด ทำให้ผมยังคงนั่งสมาธิและแผ่เมตตาอยู่เรื่อยมา”

คุณทิมกล่าวถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำท่านมาสู่เส้นทางการบวชพระไว้ว่า “ช่วงโควิด ผมมีความทุกข์มาก ทั้งเครียดและวิตกกังวลจากการล๊อกดาวน์และเครียดจากเหตุการณ์รุนแรงของการเหยียดผิวคนดำ จนเป็นเหตุที่ทำให้ผมต้องมองหาแหล่งพลังงานด้านบวก ซึ่งนำมาสู่การศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาในวันนี้

“ เมื่อหลวงพี่ได้บวชสองครั้งมาก่อนในโครงการอื่น และพอได้มาบวชในโครงการของ Monk Life Project นี้ ก็ได้รู้สึกว่าโครงการนี้เกินกว่าความคาดหวังมาก ที่นี่มีความพยายามมากที่จะปรับทุกอย่างตามความต้องการและความจำเป็นของชาวต่างชาติ

ท้องฟ้ายามค่ำคืนย่อมมืดสนิทก่อนฟ้าสาง ผู้ได้พบกับแสงสว่างก็คือ ผู้เคยผ่านความมืดมนมาก่อน ผู้ใดเห็นทุกข์..ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้อยู่ในเพศสมณะอาจไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์มาแต่เดิมก็จริง แต่นักบวชคือผู้ตระหนักถึงความทุกข์และเสาะหาหนทางพ้นทุกข์