หลวงพี่เป็นชาวแคเนเดียนอาศัยอยู่ที่เมืองแคลการี ประเทศแคนาดา หลวงพี่อายุ 56 ปีและมีอาชีพเป็นนักเขียนและนักพูด ท่านคืออดีตนักร้องเพลงแจ๊สและนักจัดรายการวิทยุเพลงแจ๊สชื่อดังของแคนาดามานานกว่า 10 ปี เหตุผลที่ท่านมาบวชก็เพื่อ “ตามหาคุณค่าของชีวิต และเรียนรู้หนทางการมีสุขภาพจิตที่ดี ท่านจึงแสวงหาความสงบใจด้วยการศึกษาคำสอนของศาสนาพุทธ”
สิ่งภายนอกเปลี่ยนแปลงถาโถม ภายในจึงแสวงหาความสงบ
พระทิมเล่าว่า “ทั้งเหตุการณ์เหยียดคนผิวสี ความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย การเมืองในประเทศอเมริกาและแคนาดา ข่าวด้านลบเหล่านี้กระหน่ำราวคลื่นสึนามิถาโถมเข้ามา ผมจมอยู่กับข่าวที่น่าหดหู่มากขึ้น ทำให้ผมป่วยหนัก” ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยถูกแกล้งและล้อเลียนอย่างรุนแรงถูกกระตุ้นขึ้นมา ทำให้ผมเกิดภาวะเครียด
“ผมพยายามรักษาตัวเองทุกวิถีทาง รวมถึงการพึ่งแอลกอฮอล์ ชีวิตผมพังย่อยยับและครอบครัวก็เช่นกัน นั่นคือจุดที่ทำให้ผมศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ผมหลงใหลใฝ่รู้มาโดยตลอด”
พระทิมนั่งสมาธิมาเป็นระยะๆ ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ท่านนั่งสมาธิและคอยใฝ่รู้เกี่ยวกับคำสอนของศาสนาพุทธ จนมาเจอกับวีดีโอคำสอนของหลวงพี่นิค “คำสอนท่านสะกิดใจผมมาก ผมตื่นเต้นและดีใจมากเมื่อรู้ว่ามีโครงการที่เอื้อให้ทุกคนได้ศึกษาหนทางการดับทุกข์จากผู้รู้โดยตรง” พระทิมคิดถึงเรื่องนี้อยู่นาน จนกระทั่งหาโอกาสไปบวชได้เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นและโครงการบวชเปิดรับสมัครอีกครั้ง
การบวชเป็นเหมือนของขวัญสำหรับชีวิต
ท่านกล่าวถึงโครงการบวช MONK LIFE PROJECT นี้ไว้ว่า “นี่คือของขวัญล้ำค่าที่สุดที่ผมมอบให้ตัวเอง อารมณ์เหมือนเด็กรอให้ถึงวันคริสต์มาส ที่นี่ผมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต โครงการนี้ไม่ได้มีดีแค่การบวชพระนานาชาติ แต่หลักสูตรการอบรมมีการวางระบบไว้เป็นอย่างดี พระอาจารย์และทีมงานจิตใจดีมาก ผมได้ความสบาย สบาย และสบาย ซึ่งเป็นคำที่ผมไม่เคยนึกถึงมาก่อน แต่นับจากนี้ไป คำนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมตลอดไป นี่คือก้าวแรกในบทฝึกใหม่ที่กำลังเริ่มขึ้น”
พบกับมิตรภาพจากผู้ร่วมบวช
“มิตรภาพของเพื่อนแท้ก่อตัวขึ้นอย่างง่ายดาย แม้เราเพิ่งอยู่ร่วมกันได้เพียง 10-11 วัน แต่เราต่างรู้สึกแบบเดียวกัน ผมอายุมากที่สุดในกลุ่ม คือ อายุ 56 ย่างเข้า 57 ปี คนอื่นอายุอยู่ในวัยเลขสามและเลขสอง แต่เราไม่รู้สึกแปลกแยก เราคือเพื่อนที่จะคอยสนับสนุนกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน หัวเราะไปพร้อมกัน การได้หัวเราะในแต่ละที่ที่เราไปมันวิเศษเกินจะบรรยาย ผมได้คุยกับหลวงพี่ริเวอร์เมื่อไม่นานมานี้เองว่า ไม่น่าแปลกหรอกที่เมื่อผมมองไปทางไหนก็เจอแต่ดวงตาที่เป็นมิตร ผู้คนดีต่อกัน ว่าไงว่าตามกัน เรื่องนี้ทำให้ผมประหลาดใจพอสมควร”
ความเมตตาต่อตัวเองได้ก่อตัวขึ้น
พระทิมกล่าวปิดท้ายไว้ว่า “การได้นั่งสมาธิและความเข้าใจในพระธรรมคำสอนทำให้ผมรักและเมตตาต่อตัวเองรวมทั้งผู้อื่นมากขึ้น” ที่นี่ ท่านได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีสติรู้ตัว ณ ปัจจุบัน
ระหว่างพิธีกรรมงานบวช น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มของพระทิมไหลอาบแก้มขณะที่ท่านกล่าวคำขอบวชเป็นพระใหม่ เมื่อพิธีอุปสมบทจบลง พระทิมนั่งสบายๆ อยู่บนม้านั่ง และกล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า “การแสวงหาสิ้นสุดลงแล้ว”