
ก้าวสู่ความสุขที่ยั่งยืน ทำได้หรือแค่ฝัน?
” Steps to Sustainable Happiness: Achievable or Just a Dream? “
ก้าวสู่ความสุขที่ยั่งยืน ทำได้หรือแค่ฝัน?
พระอาจารย์ดร. ณรงค์ชัย ฐานชโย, ดร. ประธานที่พักสงฆ์นานาชาติเชียงใหม่ ได้อธิบายเกี่ยวกับการพัฒนาความสุขตามพุทธวิธีดังนี้
คำถามที่ว่า “ความสุขพัฒนาได้หรือไม่?” เป็นคำถามที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาภายใต้กรอบของพุทธศาสนา ในพระไตรปิฎกหรือคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ได้กล่าวถึงความสุขในรูปแบบต่าง ๆ และการพัฒนาความสุขในระดับที่แตกต่างกัน โดยมุมมองของพุทธศาสนานั้นไม่ได้มองโลกในแง่ดีหรือร้าย แต่จะมองโลกตามความเป็นจริงที่ว่าชีวิตนั้นเริ่มต้นจากความทุกข์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของชีวิตทุกชนชั้นและทุกสังคม อย่างไรก็ตาม การที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่าชีวิตเป็นทุกข์นั้น ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะไม่มีความสุขเลย หากแต่หมายถึงการยอมรับความจริงของชีวิต และจากจุดเริ่มต้นนี้ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราพัฒนาความสุขไปสู่ระดับที่สูงขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่ความสุขธรรมดาไปจนถึงความสุขสูงสุดที่เรียกว่า “นิพพาน”
ความสุขของคนทั่วไป (คฤหัสถ์)
พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงความสุขของคนทั่วไป (คฤหัสถ์) ไว้ 4 ประเภท ได้แก่:
- สุขเกิดจากความมีทรัพย์ (Bliss of Ownership):ความสุขที่เกิดจากการมีทรัพย์สินเงินทอง
- สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ (Bliss of Enjoyment): ความสุขที่เกิดจากการใช้จ่ายหรือบริโภคสิ่งที่ตนมี
- สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ (Bliss of Debtlessness): ความสุขที่เกิดจากการไม่มีหนี้สิน
- สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ (Bliss of Blamelessness): ความสุขที่เกิดจากการประพฤติตนดีไม่มีโทษ
ทั้งสี่อย่างนี้ เป็นความสุขที่คนทั่วไปปรารถนาและสามารถสัมผัสได้ แต่เป็นความสุขที่มีเงื่อนไขและอาจไม่ยั่งยืน
ระดับความสุขในพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าสอนว่าความสุขมีอยู่ 3 ระดับ ซึ่งสามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ ได้แก่:
- กามสุข (Sensual Happiness): ความสุขที่เกิดจากกามารมณ์หรือความพึงพอใจในวัตถุ เช่น การเห็น การฟัง การกิน การสัมผัส ซึ่งเป็นความสุขที่ขึ้นอยู่กับการได้รับสิ่งที่ต้องการผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5
- สมาธิสุข (Mental Happiness): ความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม เช่น การทำสมาธิ หรือการบรรลุฌาน สุขนี้เป็นสุขที่ละเอียดกว่าและมาจากการสงบของจิตใจ
- นิพพานสุข (Supreme Happiness): ความสุขสูงสุดที่ไม่มีความสุขใดเทียบเท่าได้ เป็นความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงและเป็นสุขที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” หมายถึง นิพพานเป็นความสุขยิ่ง ไม่มีสุขใดเทียบเท่าได้
กามสุข (Sensual Happiness) คืออะไร?
กามสุข คือ ความสุขที่เกิดจากการรับรู้และสัมผัสสิ่งที่เราชอบผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย
- ทางตา: ความสุขจากการเห็นสิ่งที่เราชอบ เช่น ดูภาพยนตร์ที่อยากดู
- ทางหู: ความสุขจากการฟังเสียงที่เราชอบ เช่น ฟังเพลงโปรด
- ทางจมูก: ความสุขจากการได้กลิ่นที่เราชอบ เช่น กลิ่นดอกไม้หอม
- ทางลิ้น: ความสุขจากการลิ้มรสอาหารที่เราชอบ เช่น การทานอาหารอร่อย
- ทางกาย: ความสุขจากการสัมผัสสิ่งที่เราชอบ เช่น การสัมผัสผ้านุ่ม
ตัวอย่าง: หากเราอยากดูหนังเรื่องหนึ่งมาก ความสุขจะยังไม่เกิดจนกว่าเราจะได้ไปดูหนัง ความอยากนี้ทำให้เราเกิดความกระวนกระวายใจ แต่เมื่อได้ดูแล้ว ความกระวนกระวายใจก็จะหายไป และเกิดความสุขจากการได้รับสิ่งที่ต้องการ เช่นเดียวกับการอยากใส่เสื้อผ้าที่เห็นคนอื่นใส่ เมื่อเราซื้อเสื้อนั้นมาใส่ เราจะรู้สึกมีความสุข เพราะได้รับสิ่งที่เราปรารถนากล่าวคือกามสุขเป็นความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้เสพสิ่งที่เราปรารถนาผ่านทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ แต่ความสุขนี้มักจะอยู่เพียงชั่วคราวและต้องการสิ่งใหม่เข้ามาเติมเต็มเสมอ.
มีความสุขที่มากกว่ากามสุขอีกไหม?
มีความสุขที่มากกว่ากามสุขตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก:
- ฌานสุข (Mental Happiness) : ความสุขจากการปฏิบัติธรรม เป็นความสุขที่ละเอียดกว่าและดีกว่ากามสุข เกิดจากการที่พระภิกษุสงบใจจากกามและอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน (สมาธิระดับแรก) ซึ่งในสภาวะนี้จิตใจไม่กระจัดกระจาย มีความสงบและมีความปีติสุขภายในที่เกิดจากการปลีกตัวจากสิ่งรบกวนภายนอก ทำให้เกิดความสุขที่บริสุทธิ์และสงบนิ่ง
- นิพพานสุข(Supreme Happiness): พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ความสุขบนโลกนี้ทั้งหมดไม่สามารถเทียบเท่ากับความสุขจากการหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ซึ่งคือ “นิพพาน” เป็นความสุขที่สูงสุดและยั่งยืน เกิดจากการสิ้นสุดความทุกข์และการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหมด เป็นสุขที่ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้
การพัฒนาความสุขตามพุทธวิธีนั้นไม่เพียงแต่เป็นไปได้ แต่ยังสามารถนำไปสู่ความสุขที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนได้ พระพุทธศาสนาให้แนวทางที่ชัดเจนและเป็นขั้นเป็นตอนสำหรับการพัฒนาความสุข เริ่มจากความสุขขั้นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ จนถึงความสุขสูงสุดที่เกิดจากการหลุดพ้นจากกิเลสและความทุกข์ เมื่อเราเข้าใจและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เราจะสามารถพัฒนาความสุขในชีวิตได้ในทุกระดับ ในพระพุทธศาสนา ความสุขที่เหนือกว่าความสุขในชีวิตประจำวันของเราคือความสุขจากการบวชเป็นพระภิกษุ การถือศีล เจริญสติ สมาธิ และภาวนา ความสุขนี้เกิดจากการปล่อยวางและใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เป็นความสุขที่ละเอียดกว่าความสุขที่มาจากกามารมณ์ นอกจากนี้ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ความสุขที่สูงสุดคือ “นิพพานสุข” ซึ่งเป็นความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้นจากทุกข์และกิเลสทั้งปวง.