ทำไมจึงมาบวชเป็นพระ? โดย หลวงพี่ไซม่อน ตู

หลวงพี่เป็นชาวใต้หวัน อายุ 25 ปี หลวงพี่ทำงานช่างประปาและนับถือศาสนาพุทธ ท่านเริ่มสนใจการนั่งสมาธิเมื่อสามปีที่แล้ว ท่านได้ดูเรื่องราวของพระอาจารย์จากประเทศจีนท่านหนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว ประโยคที่ท่านบรรลุธรรมนั่นเอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้หลวงพี่อยากบวชพระนับตั้งแต่นั้นมา

ธรรมะแรกที่สะกิดใจหลวงพี่

“ท่านพูดถึงความไม่มีตัวตน ความเป็นธรรมชาติของตัวตน กระจกที่ไม่ใช่กระจก แท้จริงแล้วไม่มีตัวตนอยู่เลย แล้วมลทินมาจากไหนกันเล่า” ประโยคเหล่านี้ทำให้หลวงพี่หันมาสนใจการทำสมาธิ ท่านได้เริ่มการมองเข้าไปภายใน และทำให้ท่านเปลี่ยนวิชาเรียน “ผมเพิ่งเปลี่ยนวิชาเรียนเป็นวิชาปรัชญา ขณะกำลังศึกษาในชั้นมหาวิทยาลัย ผมอยากรู้ว่าคนเราเกิดมาทำไม ดังนั้นจึงมาเรียนปรัชญา แล้วพอได้เจอบทกลอนนี้ จึงเริ่มหาความหมายของชีวิตจากการเดินทางสายกลางเข้าไปภายใน”

ก่อนที่จะเริ่มเข้ามาบวช

หลังจากที่เกิดความรู้สึกอยากบวชแล้ว หลวงพี่ก็เริ่มมองหาวัดที่สามารถไปบวชได้ “มีวัดที่มีวัดสาขาอยู่ในไทเป ผมจึงเข้าไปสมัคร แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าปีนี้เขาไม่ได้จัดโครงการบวช แต่เขาสามารถแนะนำวัดในเชียงใหม่ให้ผมไปบวชได้ ซึ่งก็คือที่ iMonastery นี้ พอผมเรียนจบ ทางบ้านยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินใจบวชของผม ผมจึงรอจนถึงเดือนเมษายนปีนี้ (พ.ศ. 2565) ทางบ้านเลยเริ่มเข้าใจและอนุญาตให้ผมบวชได้”

แรงขับภายในใจหลวงพี่เรื่อง “พ่อ”

พ่อของหลวงพี่ไซม่อนจากไปตั้งแต่ท่านอายุได้ 6 ขวบ “การตายของพ่อเป็นปมในใจผมจนอายุ 21 ปี เมื่อได้อ่านบทกลอนของพระอาจารย์ ปมในใจผมก็คลายไป ใจผมได้รับการปลดปล่อยเหมือนได้ค้นพบพื้นที่อิสระ”

ท่านได้คิดแล้วว่า “ชีวิตพระคือเส้นทางที่ดีที่สุด ในการเดินทางเข้าสู่ภายใน”

ความเหงาภายในใจ จึงต้องเริ่มรักษาใจ

“ผมพยายามรักษาตัวเอง ผมรู้สึกเหงาอยู่ตลอดเวลา แล้วพยายามมองหาที่พึ่งจากภายนอก สิบปีก็แล้ว สิบห้าปีผ่านไปก็แล้ว ผมยังไม่ดีขึ้น จนผมได้มาเจอพุทธศาสนา แล้วทำให้รู้ว่าต้องเริ่มรักษาจากใจภายใน

เมื่อขอให้ท่านพูดถึงวิธีการรักษาปมในใจ หลวงพี่ไซม่อนกล่าวว่า “พอผมได้อ่านบทกลอนของพระอาจารย์ ผมเข้าใจว่ามันคือเรื่องของความสัมพันธ์ เมื่อมีคนหนึ่งจากไป ความห่วงหาอาทรนั้นยังอยู่ ทำให้เกิดความอ้างว้าง ผมต้องหาสิ่งใหม่ เพื่อพุ่งความสนใจไป แล้วความรู้สึกโดดเดี่ยวจะหายไปเอง เราแค่ตระหนักรู้ว่า..ความรู้สึกผูกพันนั้นมีอยู่ ดูไปเฉยๆ ดูไปเรื่อย ๆ หลายๆ รอบ แล้วเราก็จะเข้าใจและทำใจได้เอง”

ความสุขจากสมาธิ

หลวงพี่ไซม่อนพบพลังงานความสุขและความอบอุ่นในระหว่างการทำสมาธิ “ผมรู้สึกมีความสุขมากตอนนั่งสมาธิ ผมลองทำสมาธิในหลายรูปแบบมานาน 3 ปี ตั้งแต่เริ่มนั่งผมก็ไม่เคยเจ็บป่วยอีกเลย เป็นหวัดเล็กน้อยก็ไม่เคย แต่ก่อนผมอาจป่วยทุกปีช่วงเปลี่ยนฤดูกาล แต่ตอนนี้ผมแข็งแรงมากไม่ป่วยอีกต่อไป”

พอบวชแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

“ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น มีความสุขมากขึ้นในทุกๆ วัน ตอนใช้ชีวิตทางโลก มีเรื่องจุกจิกมากวนใจทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิ และวางใจเข้ากลางไม่ค่อยได้ แต่พอผมบวชผมต้องเลิกนิสัยเดิมๆ เลิกยึดติดแบบเดิมๆ ช่วงแรกอาจปรับตัวยากหน่อย แต่พอนานไปทุกอย่างก็ดีขึ้น ผมวางใจได้ละเอียดลุ่มลึกขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก”

เมื่อถูกถามถึงพระอาจารย์หลวงพี่ไซม่อนตอบว่า “พระทุกรูปจิตใจดี ท่านให้ความสำคัญเรื่องการปฏิบัติธรรมของตัวเอง ไม่เพ่งโทษจับผิดคนอื่น ผมว่ามันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก”

ถ้าคิดอยากจะบวช

หลวงพี่ไซม่อนให้คำแนะนำสำหรับผู้กำลังคิดอยากบวชว่า “คุณต้องหาแรงจูงใจว่า..ทำไมถึงต้องบวชให้เจอ บางคนอาจกำลังแสวงหาบางอย่าง เช่น การค้นหาตัวตนหรือสถานที่ที่ทำให้รู้สึกปลอดภัย แต่ถ้าการบวชไม่ตอบโจทย์กับแรงจูงใจของคุณนั้นคุณอาจต้องคิดพิจารณาใหม่ให้ดี”

ข้อความสุดท้ายที่หลวงพี่ไซม่อนอยากบอกคือ

“ผมทำตามกฎของตัวเอง คือ ไม่ว่าผมจะปฏิบัติต่อคน สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดไว้ นั่นคือการกระทำ สิ่งที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อผมนั้น คือ กรรมของผมเอง อย่าไปเครียดกับชีวิตมาก รักษาใจตัวเองทำสมาธิจนกว่าจะบรรลุมรรค ผล นิพพานดีกว่า นั่นคือเป้าหมายของผม ให้ยอมรับชีวิตตามความเป็นจริง และปฏิบัติต่อผู้อื่นประดุจเขาเป็นญาติของคุณ”